วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เที่ยว กรุงเทพ กับ รถไฟฟ้า BTS ...

สถานที่ท่องเที่ยวบนเส้นทางรถไฟฟ้า บีทีเอส
นอกจากนำพาท่านผู้โดยสาร ไปส่งยังที่หมายอย่างปลอดภัย และตรงต่อเวลาในวันทำงานที่เร่งด่วนแล้วการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟฟ้า บีทีเอส ในวันหยุดพักผ่อนยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้ท่านผู้โดยสารได้เพลินเพลิน และสนุกสนานไปกับสถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่น่าสนใจต่างๆ ที่อยู่ในเส้นทาง หรือในบริเวณใกล้เคียงกับสถานีรถไฟฟ้า รวมทั้งสถานที่สำคัญต่างๆ ตลอดสองฝั่งลำน้ำเจ้าพระยา และ หวังว่ารถไฟฟ้า บีทีเอส จะมีส่วนช่วยให้คุณค้นพบกรุงเทพฯ ในมุมมองที่แตกต่างจากที่เคย
สถานที่ท่องเที่ยวบนเส้นทางรถไฟฟ้า บีทีเอส
พิพิธภัณฑ์
วัด
ตลาด
ห้างสรรพสินค้า
ล่องเจ้าพระยา
ตลาดนัด จตุจักร
เคยมีคำกล่าวไว้ว่า ถ้าต้องการศึกษาวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นนั้นๆ ให้ไปที่ตลาด วันนี้รถไฟฟ้า บีทีเอส จึงอยากเชิญชวนท่านผู้โดยสารไปเที่ยวตลาด เพื่อทำความรู้จักกับกรุงเทพฯ ในบรรยากาศของการเกื้อหนุนระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขาย และร่วมศึกษาวิถีการดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิมของสังคมไทย
เปิดให้บริการในวันเสาร์ และอาทิตย์เท่านั้นมีสินค้าให้เลือกมากมายหลากหลายชนิด ตั้งแต่ของกิน ของใช้ ของตกแต่ง เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ ของชำรวย ของที่ระลึก สัตว์เลี้ยง ต้นไม้ ฯลฯ นอกจากนี้ราคาของสินค้าที่ตลาดนัดจตุจักร ยังสามารถต่อรองราคาได้วิธีเดินทาง ให้ลงรถไฟฟ้าที่สถานีหมอชิต N8 (สายสุขุมวิท) ใช้ทางออกที่ 1 เดินต่อไปอีก 100 เมตร ก็จะถึงตลาดนัดจตุจักรซึ่งอยู่ทางด้านขวามือ ตลาดประตูน้ำ / ใบหยกทาวเวอร์ศูนย์ขายส่งเสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ รองเท้า แหล่งใหญ่ของกรุงเทพฯ วิธีเดินทาง ลงรถไฟฟ้าที่สถานีชิดลม E1 (สายสุขุมวิท) ใช้ทางออกที่ 3 เดินตรงไปประมาณ 250 เมตร จะเห็นสี่แยกราชประสงค์ ข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้ามและเดินต่อไปอีกประมาณ 450 เมตร จะถึงถนนเพชรบุรี ข้ามถนนไปก็จะถึงตลาดประตูน้ำ หรืออีกวิธีหนึ่งท่านสามารถนั่งรถเมล์สาย 13 สาย 2 สาย หรือสาย 511 มาลงที่ประตูน้ำได้

สวมลุมไนท์ บาซาร์
ตลาดนัดกลางคืนอีกแห่งของคนกรุงเทพฯ ที่รวมของข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายเก๋ๆ ภายในยังมีร้านอาหารอร่อย และโรงละคร หุ่นละครเล็ก ของคณะโจ หลุยส์ ให้ได้เพลิดเพลินกันทั้งครอบครัววิธีเดินทาง ลงรถไฟฟ้าที่สถานีศาลาแดง S2 (สายสีลม) ใช้ทางออกที่ 3 จากนั้นใช้บริการรถรับจ้างสาธารณะตรงไปทางถนนพระราม 4 เลี้ยวซ้ายที่แยกวิทยุ ตรงไปอีกประมาณ 300 เมตร ก็จะถึง สวนลุมไนท์ บาซาร์ หรือ เมื่อถึงสถานีศาลาแดงแล้วใช้ทางออกที่5 ซึ่งเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร(MRT) ต่อรถไฟฟ้ามหานครไปอีก 1 สถานี โดยลงที่สถานีลุมพินี แล้วออกทางออกที่4 ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล
ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่รวมของสินค้าคุณภาพชั้นนำจากใน และต่างประเทศ• เซ็นทรัล ลาดพร้าววิธีเดินทาง ลงรถไฟฟ้าที่สถานีหมอชิต N8 (สายสุขุมวิท) ใช้ทางออกที่ 3 ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงที่สถานีพหลโยธิน เพื่อเดินทางไปยังเซ็นทรัล ลาดพร้าว• เซ็นทรัล ชิดลม วิธีเดินทาง ลงรถไฟฟ้าที่สถานีชิดลม E1 (สายสุขุมวิท) ใช้ทางออกที่ 5 ใช้ทางเชื่อมโดยตรงจากสถานีชิดลมเข้าสู่ ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล ชิดลม• เซ็นทรัล สีลมคอมเพล็กซ์ วิธีเดินทาง ลงรถไฟฟ้าที่สถานีศาลาแดง S2 (สายสีลม) ใช้ทางออกที่ 4 ใช้ทางเชื่อมโดยตรงจากสถานีศาลาแดง เข้าสู่เซ็นทรัล สีลมคอมเพล็กซ์
เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซา / อิเซตัน / เซน
ภายในศูนย์การค้า เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซา ที่ทันสมัยประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้าชั้นนำของกรุงเทพมหานครถึงสองห้างกันคือ อิเซตัน และเซน บริเวณหน้าห้าง จะมีลานเอนกประสงค์ (Central World Square) ไว้สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ ในช่วงเทศกาล เช่น วันคริสต์มาสต์ วันปีใหม่ ลานเบียร์ และคอนเสิรต์ต่างๆ ซึ่งทุกปีจะมีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเยี่ยมชม เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ที่ชั้น 7 ยังมีลานโบว์ลิ่ง โรงภาพยนต์ในเครือ SF และ Major รวมทั้ง International Food Court ไว้คอยบริการวิธีเดินทาง ลงที่สถานีชิดลม E1 (สายสุขุมวิท) ใช้ทางออกที่ 9 ซึ่งมีทางเชื่อมโดยตรงสู่อาคารเกษร พลาซา ต่อจากนั้นเดินทะลุอาคารเกษร ไปยังสะพานลอยเพื่อข้ามไปยังฝั่งเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซา นารายณ์ภัณฑ์ศูนย์รวมของสินค้าที่ระลึก งานหัตกรรม งานฝีมือ ของตกแต่งบ้าน ที่เน้นเอกลักษณ์ความเป็นไทยวิธีเดินทาง ลงรถไฟฟ้าที่สถานีชิดลม E1 (สายสุขุมวิท) ใช้ทางออกที่ 1 เดินย้อนไปประมาณ 200 เมตร จะถึงสี่แยกราชประสงค์ จากนั้นเลี้ยวขวาและเดินตรงไปอีกประมาณ 150 เมตร ก็จะถึงนารายณ์ภัณฑ์
สยาม ดิสคัฟเวอรี่ สยาม เซ็นเตอร์ และ สยามพารากอน
แหล่งนัดพบของคนกรุงเทพฯ ศูนย์รวมของแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องแต่งกายทันสมัย จากทุกมุมโลก เลือกอร่อยได้กับร้านอาหารนานาชนิด และเพลิดเพลินไปกับการชมภาพยนตร์ที่ทันสมัย อาทิเช่น โรงภาพยนตร์สามมิติ ที่กรุงศรี IMAX ในสยามพารากอน เป็นต้น นอกจากนี้ ที่สยาม พารากอน ชั้นใต้ดิน ยังมี สยาม โอเชี่ยน เวิลด์ ซึ่งจำลองโลกใต้ทะเลมาไว้ใจกลางเมืองรวมทั้งสัตว์โลกใต้ทะเลนานาชนิดบนพื้นที่ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยทีเดียววิธีเดินทาง ลงที่สถานีสยาม CEN (สายสีลม/สุขุมวิท) ใช้ทางออกที่ 1,3 โดยใช้ทางเชื่อมโดยตรงจากสถานีสู่ตัวอาคาร และทางออกที่ 5 สำหรับ สยาม โอเชี่ยน เวิลด์ และ พารากอน ซีเนเพล็กซ์
พิพิธภัณฑ
เรียนรู้เรื่องราวในอดีตผ่านทางพิพิธภัณฑ์ เพื่อปลุกจิตสำนึกให้รัก และหวงแหนในมรดก วัฒนธรรมของชาติ และร่วมกันอนุรักษ์ไว้เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้มีโอกาสภาคภูมิใจในความเป็นไทย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เดิมสถานที่นี้เป็นวังหน้าของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ที่โปรดให้สร้างขึ้นพร้อม ๆ กับวังหลวง มีพระที่นั่งที่สำคัญ ได้แก่ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธสวรรค์ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขึ้นที่ศาลาสหทัยสมาคม เรียกว่า มิวเซี่ยมแล้วจึงย้ายมาไว้ที่วังหน้าของกรมพระราชวังบวรฯ ซึ่งบางส่วนกลายเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบริเวณข้างเคียงมีโรงเรียนช่างศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลป์ และโรงละครแห่งชาติอยู่ในบริเวณเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจนอกจากพิพิธภัณฑ์แล้วยังมี วัดบวรสถานสุทธาวาส ตั้งอยู่ภายในบริเวณวังหน้าใกล้กับโรงเรียนช่างศิลป์ วัดนี้เรียกกันว่า "วัดพระแก้ววังหน้า"เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ค่าเข้าชมชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 40 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2224 1370www.thailandmuseum.com/bangkok/bangkok.htm วิธีเดินทาง ให้ท่านขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อเดินทางไปยัง สถานีสะพานตากสิน S6 (สายสีลม) ใช้ทางออกที่ 2 แล้วใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยาจากท่าสาทร Central Pier ไปยังท่าช้าง เลี้ยวซ้ายเดินไปตามถนนมหาราชจนถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินตามกำแพงของมหาวิทยาลัย เลี้ยวซ้ายจะพบพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี เดิมเป็นอู่หรือโรงเก็บเรือพระราชพิธี เมื่อคราวเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 อู่เรือและเรือพระราชพิธีบางส่วนถูกระเบิดได้รับความเสียหายอย่างมาก และในปี พ.ศ. 2490 สำนักพระราชวังและกองทัพเรือได้มอบให้กรมศิลปากรทำการซ่อมแซมดูแลรักษาบรรดาเรือต่างๆ ที่ใช้ในพระราชพิธีเหล่านี้เรือพระราชพิธีเป็นเรือที่มีประวัติสำคัญมาแต่โบราณ ที่ยังคงความสวยงามในฝีมือช่างอันล้ำเลิศ และทรงคุณค่าในงานศิลปกรรม ประการสำคัญ ยังสามารถนำมาใช้ในการพระราชพิธีต่างๆ สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้ กรมศิลปากรเล็งเห็นความสำคัญ จึงได้ขึ้นทะเบียนเรือพระที่นั่งต่างๆ ไว้เป็นมรดกของชาติ พร้อมทั้งยกฐานะของอู่เก็บเรือขึ้นเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี เมื่อปี พ.ศ. 2517 นอกจากจะเป็นอู่เก็บเรือพระที่นั่งแล้ว ยังจัดแสดงศิลปะโบราณวัตถุและ สิ่งของเครื่องใช้ประกอบในพิธีพยุหยาตราชลมารค เช่น บัลลังก์กัญญา บัลลังก์บุษบกเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. ปิดวันขึ้นปีใหม่และวันสงกรานต์ค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประทศ 30 บาท ค่าถ่ายภาพในอาคาร 100 บาท ถ่ายวิดีโอ 200 บาท สนใจเข้าชม เป็นหมู่คณะติดต่อได้ที่ โทร 0 2424 0004สำหรับ นักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบ พระภิกษุ สามเณร และนักบวชในศาสนาต่างๆ เข้าชมได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม www.thailandmuseum.com/royal_barges/history.htm วิธีเดินทาง ให้ลงรถไฟฟ้าที่สถานีสะพานตากสิน S6 (สายสีลม) จากนั้นใช้บริการเรือโดยสารที่ท่าสาทร (Central Pier) ไปขึ้นที่ท่าพระปิ่นเกล้า น.12 และเดินไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี
พระที่นั่งวิมานเมฆ
สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 เมื่อ พ.ศ. 2443 ความพิเศษของ พระที่นั่งวิมานเมฆ อยู่ที่ลักษณะของพระที่นั่งที่ทำจากไม้สักทองทั้งหลัง โดยที่ยังคงลักษณะทางสถาปัตยกรรมให้คล้ายกับทางตะวันตกอยู่ ความพิเศษนี้เกิดจากมันสมองของ สมเด็จกรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ สถาปนิกเจ้าฟ้าของไทย พระที่นั่งวิมานเมฆนั้น เป็นพระที่นั่งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โครงสร้างของพระที่นั่งมาโดยบังเอิญ เมื่อครั้งเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จประพาสเกาะสีชัง แล้วทอดพระเนตรเห็นพระที่นั่ง มันธาตุรัตนโรจน์ ซึ่งเป็นพระที่นั่งที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ เหตุที่สร้างไม่เสร็จเสียทีนั้นก็เป็นเพราะเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสที่บริเวณอ่าวไทย ซึ่งเกาะสีชังก็อยู่ในข่ายที่จะถูกปิดล้อมด้วย เมื่อดำริเช่นนี้แล้ว พระองค์จึงรับสั่งให้รื้อพระที่นั่งนี้ มาปลูกไว้ยังพระราชวังดุสิต จากนั้นจึงรับสั่งให้สมเด็จกรมพระยานริศฯ เป็นผู้ออกแบบ สมเด็จกรมพระยานริศฯ นั้นทรงออกแบบพระที่นั่งใหม่นี้ตามแบบวิคตอเรียของอังกฤษ ด้วยไม้สักทองอันเป็นโครงเก่าของ พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ ให้ออกมาเป็นรูปตัวแอล ส่วนบริเวณที่ประทับของพระที่นั่งนั้นทำเป็นรูป 8 เหลี่ยม สร้างสูงขึ้นไปเป็น 4 ชั้น พระที่นั่งนี้ใช้เวลาสร้างทั้งหมดราว 1 ปีกับอีก 7 เดือนจึงจะแล้วเสร็จ และพระที่นั่งวิมานเมฆนี้ ก็กลายเป็นอาคารที่สร้างด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในกาลต่อมา ปัจจุบันสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงขอพระบรมราชานุญาติจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บูรณะซ่อมแซมพระที่นั่ง แล้วจัดเป็นพิพิธภัณท์ส่วนพระองค์รัชกาลที่ 5 ศิลปวัตถุที่จัดแสดง มีทั้งจากยุโรป และเอเซีย อาทิ เครื่องแก้ว เครื่องกระเบื้อง งาช้าง เครื่องลายครามและอื่นๆ สถานที่น่าสนใจอื่นๆ ภายในพระที่นั่งวิมานเมฆพิพิธภัณฑ์ศิลปาชีพ พระที่นั่งอภิเษกดุสิตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งอภิเษกดุสิต ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2447 จุดเด่นที่สวยงามของพระที่นั่งองค์นี้ก็คือ ลายไม้ฉลุแบบสมัยพระนางเจ้าวิคตอเรียของประเทศอังกฤษ ปัจจุบันปรับแต่งเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงผลงานหัตถกรรม อาทิ เครื่องเงิน คร่ำ ผ้าทอ ผ้าปัก ถมเงิน ถมทอง และงานประดับด้วยปีกแมลงทับ เป็นต้น ซึ่งประดิษฐ์ขึ้นโดยสมาชิกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พิพิธภัณฑ์รถม้าพระที่นั่งเป็นที่รวบรวมรถม้าพระที่นั่งโบราณซึ่งใช้ในสมัยรัชกาลที่ 5 รถม้าแต่ละคันเคยร่วมในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ มีความสง่าสวยงาม และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ พระตำหนักสวนสี่ฤดูพระตำหนักองค์นี้เคยเป็นพระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ สมเด็จพระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในจัดแสดงของที่ระลึกที่ได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายในคราเสด็จพระราชดำเนินไปในการต่างๆ นอกจากนี้ภายในเขตพระราชวังดุสิตยังมีอาคารที่จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ภาพถ่าย ฝีพระหัตถ์ พิพิธภัณฑ์นาฬิกาโบราณ พิพิธภัณฑ์ผ้าโบราณ พิพิธภัณฑ์เครื่องราชูปโภค และพระสาทิสลักษณ์ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.30 – 16.00 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) อัตราค่าเข้าชมชาวไทย เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 75 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท รวมค่าเข้าชมพระที่นั่งอภิเษกดุสิต และ พิพิธภัณฑ์รถม้าพระที่นั่ง ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันหากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะต้องทำหนังสือแจ้งล่วงหน้า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2628 6300 ต่อ 5120 และ 5121 วิธีเดินทาง ให้ขึ้นรถไฟฟ้าไปยังสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ N3 (สายสุขุมวิท) ใช้ทางออกที่ 3 และให้ขึ้นแท็กซี่ไปทางถนนราชวิถีเพื่อไปยังพระที่นั่งวิมานเมฆ

1 ความคิดเห็น:

MAN ON THE MOON กล่าวว่า...

เดียวนี้ เข้าใจเลือกมาให้ นะ ดีจังถ้ามีโอกาสไปเที่ยว

กทม...ก็จะนำวีธีนี้ไปใช้

แก้ปัญหา รถติดไง ไปรถไฟฟ้า แท้ แจ๋วๆๆ


มีน ครับ เพื่อนเดียว